ประสบการณ์ของนักไตรกีฬาที่เคยพลาดพลั้ง

สำหรับนักกีฬานั้น แน่นอนว่า ทุกคนเคยผ่านการลองผิดลองถูกมาแทบทั้งนั้น ในการฝึกซ้อมและการแข่งขัน นักไตรกีฬาก็เช่นกัน วันนี้จึงนำข้อผิดพลาดและประสบการณ์มาแบ่งปันให้กับท่านผู้อ่านทุกท่าน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดกับการฝึกซ้อมและการแข่งขันของคุณ

ในขณะที่นักไตรกีฬาส่วนใหญ่ นั้น มีประสบการณ์ มามากมาย หนึ่งในประสบการณ์ต่างๆที่พวกเขาได้รับนั่นก็คือการลองผิดลองถูก ซึ่งอาจจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมสำหรับนักกีฬาคนนั้น ตามหลักของความแตกต่างระหว่างบุคคล แต่อาจจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมสำหรับคนอื่นหรือไม่ นั้นตอบได้ยาก แต่ที่มากก่านั้น คือ นักไตรกีฬาส่วนมาก มักเคยพลาดมาแล้วแทบทั้งนั้น จะมากหรือน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคล วันนี้จึงขออนุญาตประมวลความผิดพลาดมาเป็นหัวข้อย่อยๆ 9 ข้อ เพื่อให้เราสามารถหลีกเลี่ยงหรือเป็นข้อมูลในการพิจารณาในการเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมต่อไป

  1. ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุปกรณ์นั้นมีความจำเป็นสำหรับนักกีฬา เช่น หมวกแอโร่ หรือจักรยานชั้นยอด

แน่นอนว่าอุปกรณ์ต่างๆนั้นมีผลต่อนักกีฬา แต่นักกีฬาส่วนมากมักจะให้ความสำคัญกับอุปกรณ์มากจนเกินไป มากกว่าพื้นฐานการฝึกซ้อม

กลับกันถ้าเรานำเงินเพียงไม่กี่บาทไปใช้กับการฝึกซ้อมอย่างฉลาด ไม่เพียงแต่เรายังจะได้สุขภาพที่ดี สมรรถภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ราคายังถูกกว่าที่เราจะต้องจ่ายเงินหลักหมื่นจนถึงหลักแสนสำหรับจักรยานระดับท็อป การเลือกอุปกรณ์ที่ดีควรจะให้ความสำคัญทั้งราคา ความทนทาน สมรรถนะและความสะดวกสบายขณะสวมใส่ ด้วย นี่คือสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญ

  1. ไม่มีการเทปเปอร์

ช่วงเวลาระหว่างการฝึกซ้อมจนถึงการแข่งขันนั้น ช่วงเวลาทองสำหรับการเปลี่ยนแปลงจากการฝึกซ้อมไปยังการแข่งขันนั่นก้คือ การเทปเปอร์ หรือ เทปเปอร์ริ่ง ที่นักกีฬาส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญ

การเทปเปอร์ริ่ง (Tapering) นั้นคือการลดปริมาณการฝึกซ้อมลงในสัปดาห์ก่อนการแข่งขัน เพื่อทำให้ร่างกายนั้นมีการฟื้นสภาพ มีการเก็บกลัยโคเจนแหล่งพลังงานสำคัญ บางคนอาจจะเพิ่มการโหลดคาร์โบไฮเดรต ไปด้วย แต่ก็ต้องระวังเรื่องของน้ำหนักตัวเช่นกัน หลักการของการเทปเปอร์นั้น จะต้องดูเรื่องของระยะเวลารวมทั้งรูปแบบของการแข่งขันด้วย การเทปเปอร์ริ่งนั้นเราจะค่อยๆลดปริมาณการฝึกซ้อมลงทั้งวันที่ใช้ในการฝึกซ้อมและระยะเวลา ความหนัก นารฝึกซ้อม ก่อนถึงรายการแข่งขัน สำหรับจะลดเท่าใด หรือ ใช้สูตรไหน อันนี้ขึ้นอยู่กับนักกีฬาแต่ละคนนะครับ

ในทางกลับกัน ในช่วงเวลาที่เราจะต้องใช้ในการเทปเปอรริ่งนั้น ก็จะมีนักกีฬาหลายคนก็ยังคงซ้อมอย่างต่อเนื่องรือเพิ่มปริมาณการฝึกขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เกิดสภาวะของ การฝึกเกิน แทนที่สมรรถภาพจะเพิ่มากขึ้นก็สวนทางกันนะครับ

  1. ไม่ยอมฝึกการเปลี่ยนแปลง

โดยเฉพาะในระยะสปรินท์หรือระยะโอลิมปิก นั้น การเปลี่ยนผ่านจากการว่ายน้ำ เป็น

จักรยาน และวิ่งนั้นจะต้องทำอย่างลื่นไหลและต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะทำให้อันดับของคุณจากอันดับหนึ่งตกไปอยู่อันดับสี่ เลยก็เป็นได้

ในทางทฤษฎีแล้ว การเปลี่ยนผ่านจากว่ายน้ำไปยังจักรยาน และจากจักรยานไปยังวิ่งนั้นง่ายมาก แต่สิ่งที่จะทำให้มันช้าลงนั่นก้คือ ความวิตกกังวล และความตื่นเต้น ในขณะนั้น วิธีการแก้ไขคือการใช้เวลาเพื่อการฝึกซ้อมการเปลี่ยนผ่าน (Rehearsal)

  1. หยุดโภชนาการที่ไม่สร้างสรรค์

แน่นอนว่าเรื่องของการกิน สำหรับไตรกีฬาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ แต่การเปลี่ยนแปลงโภชนาการในช่วงแข่งขันของคุณนั้นอาจจะทำให้กระทบต่อการแข่งขันของคุณได้ ดังนั้นอย่าใช้เวลาในช่วงการแข่งขันของคุณเพื่อการทดลอง แต่สามารถใช้ช่วงการฝึกซ้อมเป็นการทดสอบได้

พึงระลึกเสมอว่า การเปลี่ยนแปลงตัวแปรตัวใดตัวหนึ่งนั้นอาจจะส่งผลในทางบวกหรือทางลบต่อสมรรถนะในไตรกีฬาของคุณได้ เมื่อคุณได้สูตรของโภชนาที่ลงตัวแล้ว อย่าเพิ่มเติมสิ่งใดๆเข้าไปอีกในวันแข่งขัน เพราะมันอาจจะทำให้คุณไม่จบการแข่งขัน

 

 

  1. ไม่ต้องฝึกความแข็งแรงก็ได้

นักไตรกีฬาหลายคนที่ไม่มีประสบการณ์หรือกลัวน้ำหนักตัวเพิ่ม ทำให้ไม่ยอมฝึกความแข็งแรงในการฝึกฝน การฝึกความแข็งแรงนั้นจะทำให้ช่วยแก้ไขปัญหาของกล้ามเนื้อไม่สมดุลในขณะที่จะต้องมีการเคลื่อนไหวซ้ำๆ เช่นการว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน และการวิ่ง ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ซ้ำๆกัน ดังนั้น การที่เกิดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไม่เท่ากัน จะทำให้คุณได้รับบาดเจ็บในระหว่างฝึกซ้อมหรือแข่งขันได้ การฝึกความแข็งแรงจะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บ ได้เป็นอ่างดี

บวกกับการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และกล้ามเนื้อหลัง จะทำให้คุณเพิ่มสมรรถนะในการขี่จักรยานและการวิ่ง ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นอย่ามองข้ามการพัฒนากล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและกล้ามเนื้อหลัง

  1. โปรแกรมการฝึกไม่ถูกต้อง

โปรแกรมการฝึกซ้อมที่ไม่เหมาะสมอาจจะทำให้คุณนั้นเกิดสภาวการณ์ฝึกเกิน Overtraining,เกิดการบาดเจ็บ หรือทำให้คุณไม่ไปถึงเป้าหมาย

สิ่งสำคัญที่สุดคือการออกแบบโปรแกรมการฝึกซ้อม บนพื้นฐานของโหลดในการฝึกซ้อม Training Load ที่มีความเฉพาะสำหรับบุคคล และโค้ชสำหรับไตรกีฬาจะช่วยออกแบบโปรแกรมเพื่อทำให้คุณมีสมรรถภาพที่สูงสุด โปรแกรมการฝึกซ้อมที่ดี จะต้องมีการวัดและมอนิเตอร์อย่างสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนได้ การใช้นาฬิกาที่ออกแบบมาสำหรับไตรกีฬา ก็จะช่วยให้คุณและโค้ช สามารถได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงแผนการฝึกซ้อมของคุณได้อย่างแม่ยำ

  1. ให้ความสำคัญกับกีฬาที่คุณชอบ

ถ้าคุณเคยเป็นนักว่ายน้ำ นักจักรยาน หรือนักวิ่ง มากก่อน คุณก็มักที่จะเพิ่มโปรแกรมการฝึก

ในกีฬาที่คุณชื่นชอบ แต่ไม่มีใครที่จะให้ความสำคัญสำหรับทั้งสามองค์ประกอบในไตรกีฬาอย่างเท่าๆกัน แต่การที่คุณให้ความสำคัญกับจุดด้อยของคุณจะทำให้คุณเห็นผลในวันแข่งขัน ไม่ว่าคุณจะชอบว่ายน้ำ หรือเกลียดการวิ่ง หรือปั่นจักรยาน พยายามทำให้คุณชอบกับมันให้ได้ และ ต้องคิดว่าการฝึกทั้งสามองค์ประกอบ อย่างมีวินัยนั้นจะทำให้สมรรถภาพของคุณเพิ่มขึ้น

  1. อย่าทำทุกอย่างในวันแข่งขัน

วันแข่งขันคุณจะวุ่นวายและเครียดมาก ไม่เพียงแค่การขับรถไปยังสนามแข้งขัน เช็คอิน และ รับบีบ หรืออะไรก็ตามแต่ มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะวุ่นวาย การเตรียมตัวและวางแผนล่วงหน้า เช่นการเตรียมอาหารสำหรับวันแข่ง หลังแข่ง จึงเป็นสิ่งสำคัญ และจะต้องเตรียมการล่วงหน้า ให้เรียบร้อย ตรวจเช็ค ก่อนที่จะถึงวันแข่งขัน ก็จะทำให้คุณไม่ต้องเครียดและมีสมาธิอยู่กับการแข่งขันของคุณ

 

 

  1. การฟื้นสภาพที่ไม่เหมาะสม

ในไตรกีฬา โดยเฉพาะในไอร่อนแมน โดยเฉพาะการฝึกซ้อมอย่างหนัก และความเครียดต่างๆ มากมายในช่วงการฝึกซ้อม เปรียบเสมือนการป้องกันการตรวจสภาพรถก่อนการเดินทางไกล ร่างกายก็ต้องการเวลาที่จะฟื้นสภาพเช่นกัน ก่อนที่จะถึงการซ้อมต่อไป พึงระลึกถึงเทคนิคของ R.I.C.E R:Rest, I:Ice C:Compression E:Elevation ภายหลังจากการฝึกซ้อมของคุณเพื่อลดอาการปวด และการอักเสบของร่างกาย พยายามทำทุกครั้งภายหลังการฝึกซ้อม จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการใช้งานหนักเกินไป Overuse Injury ได้เช่นกัน

อ่านบทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง