วันนี้จะขออนุญาตเขียนเรื่อง ANT+ กับ Bluetooth กันนิดนึงนะครับ สืบเนื่องจากเมื่อวันก่อน ได้มีลูกค้าได้สอบถามเข้ามาถึงความแตกต่างระหว่างอุปกรณ์ที่จำหน่าย ในท้องตลาด ซึ่งมีทั้งเทคโนโลยี บลูทูธ และ ANT+ เลยอยากจะทราบข้อดีและข้อเสีย ของ Polar เราใช้เป็น Bluetooth LE ซึ่งมีความเสถียร และที่สำคัญประหยัดพลังงาน
และคนขายก็เชียร์แต่ ANT+ ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพราะบางบริษัท ใช้ ANT+ กันอย่างหนักหน่วง หรือ เพราะเทคโนโลยีมันดี เขาบอกว่าตอนนี้ทั้งโลกมาใช้ ANT+ กันหมดแล้ว (พูดแบบนี้ผมก็เลยไปลองหาข้อมูลเกี่ยวกับ ANT+ VS Bluetooth LE ที่เป็น version 4.1 พร้อมกับไปคุยกับผู้รู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี Bluetooth ตัวจริงมา เราลองมาฟังอีกด้านก่อนตัดสินใจนะครับ
ขอเริ่มด้วยเทคโนโลยี ANT+ กันก่อนเลยนะรับ ANT เป็นเทคโนโลยี การส่งข้อมูลบนคลื่นความถี่ 2.4 GHz แบบความถี่ต่ำ หรือเราอาจจะเรียกความถี่ด้านนี้ว่า ISM Band (Industrial, Scientific and Medical Band) นะครับเป็นความถี่ที่ใช้ในการสื่อสารสำหรับกลุ่มที่ว่านี้ ความถี่ก็จะใกล้ๆกับ 2.4 Ghz หรือความถี่ไวไฟนั่นเองครับ เพื่อใช้ในการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ด้วยกัน ซึ่งจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่สามารถรับส่ง แบบ ANT+ เท่านั้น แต่ข้อด้อยของ ANT ก็มีมากเช่นกัน คิดกันเล่นๆ ส่วนใหญ่อุปกรณ์จากฝั่งไต้หวันมักจะใช้ ANT+ ส่วนอุปกรณ์แทบฝั่งยุโรป นั้น มักจะใช้ บลูทูธ ครับ
เรามาดูข้อดีของ ANT กันก่อนนะครับ
- ANT เป็นระบบที่ค่อนข้างเปิดกว้างสำหรับการพัฒนา ในอุปกรณ์สายสุขภาพและฟิตเนสนะครับ และสามารถเชื่อมต่อกันได้หลายอุปกรณ์
- ใช้พลังงานที่ต่ำกว่า
- อุปกรณ์ที่ใช้มากกว่า ???
ส่วนข้อด้อย ของ ANT นั้นก็คือ
- ถูกรบกวนสัญญาณได้ง่าย แม้จะมี Device ID แต่ความปลอดภัยของระบบน้อยมาก
- แบนด์ในการส่งข้อมูลแคบ จึงทำให้ส่งข้อมูลได้น้อย กว่า บลูทูธสมาร์ท
- สัญญาณใครแรงกว่า คนนั้นได้เปรียบ เพราะข้อด้อยของ ANT ทำให้บางครั้งมีการแจมของสัญญาณจากอุปกรณ์อื่นๆทำให้ข้อมูลเกิดเพี้ยนหรือไม่เที่ยงตรง
- ไม่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนตระกูล I ได้โดยตรงนะครับ ต้องพึ่งพา Device Converter
- ในฐานะนักพัฒนาแอพลิเคชั่น ANT+ ไม่ค่อยน่าใช้สำหรับการออกแบบระบบทั้ง Hardware และซอฟท์แวร์ครับ
ต่อมาเรามาดูเทคโนโลยีของ Bluetooth กันบ้างนะครับ
- สามารถเชื่อต่อระหว่าง Smart phone และแทบเล็ตได้อย่างฉลาด
- มี Device ID ชัดเจนสามารถล็อคการเชื่อมต่อได้อย่างเฉพาะเจาะจง
- มีแบนด์ในการส่งข้อมูลกว้างกว่า ANT+ บลูทูธ 64X ส่วน ANT+ แค่ 16X ดังนั้นอุปกรณ์ที่มีการส่งข้อมูลเป็นปริมาณมากทั้ง Power Meter หรือ แม้กระทั่ง Speed Sensor and Cadence Sensor รุ่นใหม่ๆ จึงออกแบบพัฒนาระบบการส่งข้อมูลแบบ Bluetooth Smart เป็นส่วนใหญ่
ข้อสีย
- ไม่สามารถส่งข้อมูลไปหลายๆ Device ได้พร้อมๆกัน แต่ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นไมลล์จักรยาน หรือ HRM ก็สามารถรับข้อมูลจาก อุปกรณ์หลายๆชิ้นได้พร้อมกันในเวลาเดียวกันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการให้อุปกรณ์ต่างๆมาคุยกันเองโดยตรง ตอนนี้ Bluetooth เองสามารถทำ Mesh Network ได้แล้วนะครับ
เรามาดูการเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับมาตรฐานใหม่ๆ เราจะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีของ Bluetooth Smart LE นั้นมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือมีการเพิ่มฟังก์ชั่นต่างๆ รวมทั้ง การอัพเดทอุปกรณ์ให้รองรับได้ ในขณะที่ ANT ไม่มีรีพอร์ทเอาไว้
ปัจจุบันเทรนด์ของ Bluetooth 4.xx กำลังมาเนื่องด้วยข้อดีของบลูทูธ ที่ประหยัดพลังงาน ระยะส่งไกลกว่า มีการเข้ารหัสล็อคกับอุปกรณ์อย่างชัดเจน รวมทั้งมีการทำ Time sync ได้ และผู้ผลิตอุปกรณ์หลายๆค่าย ไม่ว่าจะเป็น พาวเวอร์มิตเตอร์ สายวัดอัตราการเต้นของหัวใจ กำลังหันมาใช้เทคโนโลยี Bluetooth 4.xx กันแทบทั้งสิ้น รวมทั้งเทคโนโลยีของ Bluetooth ค่อนข้างเปิดกว้างและยังก้าวหน้ากว่า ANT+ เป็นอย่างมาก ทำให้เทคโนโลยีของ Bluetooth ก้าวล้ำไปกว่า ANT+ ไปหลายขุม และในที่สุดเทคโนโลยีของ ANT ก็จะถูก Disruptive ไปในที่สุดครับ
หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อยสำหรับการวางแผนเลือกอุปกรณ์ ในการออกกำลังกาย หรือการฝึกซ้อมกีฬาของท่าน วางแผนให้ดี ท่านจะได้มีอุปกรณ์ใช้ไปได้นานๆ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ตลอด เวลา หรือโดนพ่อค้าแม่ค้าที่เห็นแก่ตัวหลอกเอานะครับ
อ้างอิงจาก Bluetooth