การออกกำลังกายแบบ ANTI-HIIT

โดยส่วนใหญ่พวกเราทำการออกกำลังกายเพื่อพัฒนาระบบหัวใจและไหลเวียนโลหิต หรือ คาร์ดิโอ ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีกิจกรรมหลายอย่างที่ช่วยพัฒนาเกี่ยวกับ ระบบหัวใจและหายใจ นั่นก็คือความอดทน (Endurance ) ตัวอย่างของกิจกรรม เช่น ปั่นจักรยาน,ว่ายน้ำ,วิ่ง ฯลฯ เป็นต้น หรือบางทีคุณอาจจะชอบบางสิ่งที่ไม่เป็นกระแสนิยมเช่นกิจกรรมกลางแจ้ง , หรือกิจกรรมกีฬา Xtreme

อีก1กระแส ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆคือ การที่เราออกกำลังกายบนเสื่อโยคะ หรือที่เรียกว่า Matt Based HIIT training ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่พัฒนามาจากการออกกำลัยแบบ เซอร์กิต ด้วยการใช้น้ำหนักตัว (Body Weight) โดยมีเป้าหมายคือการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจสูงเกือบสุงสุดและเพื่มความเข้มข้นตลอดการออกกำลังกายและพักความเหนื่อยล้าระห่างเซต.เป็นการฝึกประเภทสั้น(ใช้เวลา20หรือมากกว่านั้น)ให้คุณเผาผลาญไขมันได้ดี และช่วยให้กระชับกล้ามเนื้อ

ปัญหาจากการฝึกนี้ มักเต็มไปด้วยความผิดพลาดจากการเลือกท่าออกกำลังกายที่หนักหน่วงจนเกินไป และการพักระหว่างเซตไม่เหมาะสมกัน ทำให้การออกกำลังกายแบบนี้จึงไม่ช่วยให้เราพัฒนาประสิทธิภาพของระบบแอโรบิก (ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก ในการออกกำลังกาย ความหนักต่ำ ระยะเวลานาน นั่นเอง)  และอาจจะทำให้คุณเมื่อยล้าและหมดแรงได้อีกด้วย

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ผมนำเรื่องของการฝึกแบบ Anti HIIT Training หรือการออกกกำลังกายที่ตรงข้ามกับ HIIT มาฝากกัน ผมต้องการจะแนะนำการออกกำลังกายบนเสื่อ ที่จะช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถของระบบปอโรบิก และทำให้คุณไม่รู้สึกไม่น่าปวดหัวและหมดแรงอีกด้วย

***Anti-HIIT ยังคงเป็นการฝึกแบบหนักสลับเบา นั่นเอง แต่ใช้ความหนักที่ตรงข้ามกับ HIIT ซึ่ง HIIT เองใช้ความหนักสูง แต่ Anti HIIT จะตรงกันข้าม ใช้ความหนักต่ำกว่า เพราะว่า

  • ความหนักในการออกกำลังกายต่ำ เราจะไม่ใช้ความหนักที่ระดับสูงในขณะออกกำลังกาย
  • อัตราการเต้นของหัวใจค่อนขช้างคงที่และอยู่ในโซนความหนักปานกลาง และไม่ยกขึ้นไปที่ระดับความหนักสูงๆ
  • การพักระหว่างเซตสั้น
  • ระยะเวลาในการออกกำลังกายยาวนานกว่า

เรามาดูตัวอย่างกันว่าทำไมการออกกำลังกายแบบนี้จึงแตกต่างกับ HIIT ซึ่งมีความสำคัญมาก

ประโยชน์ของ ANTI HIIT Training

แน่นอนว่า เพื่อการพัฒนาระบบพลังงานแบบแอโรบิก รวมทั้งสุขภาพ การออกกำลังกายเพื่อพัฒนาระบบหัวใจแน่นอนว่าส่งผลดีอย่างแน่นอน เหมือนเราทานขนมปังกับเนย ในขณะที่ HIIT นั้นเหมือน น้ำตาลไอซซิ่งที่โรยบนหน้าเค้ก แน่นอนว่านักกีฬาที่จะต้องใช้ความทนทานเป็นอย่างมาก นั้นรู้และเข้าใจดี นั่นจึงหมายความว่า ทำไมพวกเขาจึงใช้เวลาการฝึกซ้อมร้อยละ 80 ไปกับโซน 2 และ 3 และใช้เวลาเพียงร้อยละ 10 กับความหนักสูงๆ

แน่นอนว่าเราทราบกันอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายที่ระดับความหนักต่ำ และอยู่ใน Steady State หรือที่เรียกว่า โซน 2 นั้นจะทำให้ร่างกายการทำงานของระบบต่างๆค่อนข้างเสถียรและคงที่ เช่นความเร็วในการวิ่งที่ระดับ Steady State คือ ความเร็วที่เหมาะสมสำหรับการวิ่งที่ระยะเลายาวนาน นั่นเอง

สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการออกกลังกายด้วยความเร็วและความเข้มข้นคงที่ เป็นเวลามากกว่า30นาที กับ อัตรการเต้นของหัวใจที่อยู่ระหว่าง 60-70% ของ maximum heart rate. โดยปกติจะปั่นจักรยาน,ว่ายน้ำ,และโดยทั่วไปจะใช้การวิ่ง(ขึ้นอยู่กับคุณว่าชอบกีฬาอะไร)กิจกกรมเหล่านี้ทำให้ง่ายต่อการปรับความเข้มข้นการออกกำลังกายและรักษาอัตราการเต้นของหัวใจให้คงที่. การฝึก Anti HIIT ตั้งเป้าหมายเดียวกับ steady-state cardio แต่ใช้ matt-based exercises แทน

การออกกำลังกายในอดีต เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ แน่นอนว่าก็ต้องขึ้นอยู่กับการปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆของร่างกาย เช่น ชนิดกีฬา แต่คุณสามารถที่จะควบคุมความหนักของการออกกำลังาย และรักษาอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น ข้อดีของการสร้างหรือพัฒนาระบบหัวใจและไหลเวียนโดยการรักษาระดับความหนักของการออกกำลังกายให้อยู่ในโซนสถานะ Steady State นั่นเอง

การออกกำลังกายโดยที่รักษาระดับความหนักของการออกกำลังกายให้อยู่ใน Steady State นั้นจะช่วยส่งผลถึงการพัฒนาสมรรถภาพทางกายด้วยระบบ anti HIIT Training ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้

  1. สุขภาพและการมีอายุยืน

ระบบแอโรบิค นั้นนอนว่าเป็นตัวบ่งชี้ถึงการมีอายุที่ยืนยาว ซึ่งมีหลายการวิจัยที่พบความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถของระบบแอโรบิก กับ สาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด

  1. สนับสนุนการฝึกเพื่อพัฒนาความแข็งแรง

การฝึกความแข็งแรง ก็เปรียบเสมือนการขยายขนาดถังน้ำมันในรถยนต์  เมื่อคุณฝึกควมแข็งแรง กล้ามเนื้อก็จะสะสมพลังงานได้มากขึ้น ทำให้คุณสามารถออกกำลังกายได้ยาวนานขึ้น โดยไม่ต้องกลัวพลังงานลดลง

  1. เพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นตัวของร่างกาย

แน่นอนว่าเราทราบอยู่แล้วว่า ร่างกายจะมีการฟื้นตัว ในขณะที่เรานอนหลับ ดังนั้นการที่ได้รับปริมาณการฝึกซ้อมที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้เราสามารถฟื้นตัวได้ดี และนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

  1. การเผาผลาญพลังงานและองค์ประกอบของร่างกาย

การออกกำลังกายที่ความหนักโซนสองนั้น เราจะใช้พลังงานส่วนใหญ่มาจากไขมัน ซึ่งการออกกำลังกายที่หนักนั้นจะใช้คาร์โบไฮเดรต เป็นพลังงานหลัก

  1. เพิ่มความเชื่อมั่น

เมื่อคุณมีสรรภาพทางกายที่แข็งแรงขึ้นใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพ นอนหลับได้อย่างดี ก็จะช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใสดังนั้น การอออกกำลังกายจึงส่งผลต่อระบอารมณ์ในทางอ้อมอีกด้วย

  1. เมื่อรู้ประสิทธิภาพของการออกกำลังกายแบบนี้แล้ว จะไปเปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่นทำไม

 

ประโยชน์ของการสร้างสมรรถภาพทางร่างกายด้วย  steady-state or anti-HIIT training

ได้แก่ :

สุขภาพและการมีอายุยืน

Aerobic fitness ความแข็งแรงเป็นตัวบอกช่วงอายุ -คุณภาพชีวิตของคุณและอายุของคุณ

การศึกษาจำนวนมากได้บอกความสัมพันธ์ระหว่าง aerobic health(VO2 max)และสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียชีวิต.

 

สนับสนุน Strength training

การฝึก Strength training ส่วนใหญ่ใช้พลังงานจากระบบ aerobic.ด้วยการออกกำลังกายที่เหนือกว่า aerobic fitness,คุณจะสามารถทำงานได้ดีขึ้น,นั้นหมายความว่าคุณจะสามารถฝึกได้หนักขึ้น,ในระยายาว,โดยที่พลังงานของคุณไม่ลดลง.

 

ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

ระบบ aerobic ช่วยในชีวิตประจำวันจริงๆและช่วยผลิตพลังงานส่วนใหญ่ที่ใช้ต่อวันของเรา.ด้วยaerobic fitnessที่ดีขึ้นคุณสามารถได้รับคุณภาพการนอนที่ดีขึ้น,พลังงานที่คงที่ตลอดทั้งวัน,และการฟื้นฟูที่รวดเร็วหลังออกกำลังกาย

 

การเผาผลาญไขมันและองค์ประกอบร่างกาย

การคาร์ดิโอที่ความเข้มข้นที่ zone 2 ใช้ไขมันเป็นพลังงาน.อันที่จริงแล้วเป็น โซนที่เผาผลาญไขมันได้ดีที่สุดแล้ว.ถ้าสูงกว่านี้,จะเป็นการฝึก HIIT training,ซึ่งใช้ไกโคเจน(คาร์โอไฮเดรท)เป็นพลังงาน.ดังนั้น Anti-HIIT จะช่วยให้เรากายของคุณใช้ไขมันเป็นพลัง.

 

ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้น

เมื่อคุณออกกำลังกาย(เมื่อคุณกำลังฟิตร่างกาย)คุณจะรู้สึก(healthier)สุขภาพดี (มันเป็นเพราะคุณ)พลังมากขึ้น,

พักผ่อนมากขึ้นและอารมณ์ดีขึ้นเป็นผลพลอยได้จากการที่ ระบบ aerobic ของคุณดีขึ้น

 

ใครบ้างที่เหมาะกับการฝึก ANTI-HIITที่สุด

สิ่งที่ดีที่สุดของการฝึก ANTI-HIIT การฝึกนี้เหมาะสำหรับทุกคน

  • เป็นการออกกำลังกายที่แรงกระแทกต่ำและไม่กระทบกับข้อต่อ
  • อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในระดับปานกลาง,ไม่สูงเกินไป
  • ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย
  • คุณสามารถทำได้ที่บ้าน

ดังนั้นการฝึก ANTI-HIIT เป็นการฝึกที่สามารถเข้าถึงได้และสนุกสนานและทำตามได้ง่าย.เหมาะสำหรับช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน เมื่อต้องการออกกำลังกายอยู่ที่บ้านบ่อยๆ

สิ่งที่ดีอีกหนึ่งอย่างของ ANTI-HIIT คือคุณจะเดินจากไปโดยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าไม่เหนื่อยล้าซึ่งหมายความว่าคุณสามารถทำการฝึก Anti-HIIT ได้บ่อยขึ้นโดยไม่ต้องกลัวว่าจะหมดไฟ

นี้เป็นหนึ่งกฎเหล็กการฝึกของฉันคุณควรเดินออกจากการฝึกโดยรู้สึกดีกว่าตอนที่คุณเริ่มฝึกการออกกำลังกายแบบ Anti-HIIT กันเลย

 

โปรแกรม ANTI-HIIT เหมาะสมกับใคร

  • การออกกำลังกายทั้งสองประเภทนั้น คุณสามารถไปถึงจุดหมายได้อย่างง่ายดย
  • คุณสามารถยกระดับความหนักของการออกกลำงากายขึ้นไปได้ แต่ไม่ถึงกับความหนักสูง
  • ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ เพราะสามารถทำท่างายๆ หรือ ถ้าจะเพิ่มอาจจะใช้ดัมเบล หรือ ขวดน้ำสำหรับการออกกำลังกายบางรูปแบบ
  • คุณสามารถฝึกได้ที่บ้านของคุณเอง

เรามาดูโปรแกรมการออกกำลังกายแบบ Anti HIIT กันบ้าง เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่อยู่ระหว่าง ความหนักปกติกับความหนักต่ำ เน้นการออกกำลังกายที่ใช้การเคลื่อนที่ โดยทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายเกิดการเคลื่อไหว และไม่ทำให้เกิดความเมื่อยล้า โดยโปรแกรมจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และพัฒนาระบบหัวใจและไหลเวียน โดยท่าประกอบด้วย

  •          Exercise 1: Jumping Jack 10-20 ครั้ง
  •          พัก : 3-5 ลมหายใจ
  •          Exercise 2: Moutain Climber 10 ครั้ง
  •           พัก 3-5 ลมหายใจ

ทำต่อเนื่อง 20-40 นาที

คำแนะนำ

  1. ปรับระยะเวลาในการออกกำลังกายสำหรับระดับ และระยะเวลา ที่คุณจะต้องกำหนดไว้อย่างชัดเจน
  2. การหายใจระหว่างเซตให้ทำการหายใจเข้าออกลึกๆ
  3. พยายามปรับจำนวนครั้งต่อเซต ให้เหมาะสมกับระดับของคุณ สามารถปรับได้ตั้งแต่ 6-20 ครั้ง
  4. พยายามติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อการออกกำลังกายจะได้เกิดความเหมาะสม Polar Unite และ Polar Ignite2

อะไรที่คุณควรจะเพิ่มเติม สำหรับการฝึกซ้อม ANTI-HIIT

คุณสามารถออกกำลังกายแบบ Cardio Anti-HIIT อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์และสามารถสลับโปรแกรมโดยขั้นด้วย Strength and Mobility รวมทั้งหากทำการออกกำลังกายไปสักระยะหนึ่ง คุณก็จะสามรถที่จะเพิ่มท่า ในการออกำลังกายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางเวบของเราจะนำมาฝากกันต่ไปหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าคุณจะสนุกกับมัน ขอให้เป็นการเริ่มต้นที่ดี

ติดตาม FACEBOOK ขอเราเพื่อจะได้ไม่พลาดข่าวสาร และบทความดีๆจากวีณาสปอร์ต