สัปดาห์ก่อน เราได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับ การวัดพลังในการวิ่ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับการฝึกซ้อมของคุณ
ขั้นตอนต่อไป เราจะมาดูวิธีการวัดและการวิเคราะห์ข้อมูล พลังจากการวิ่งของคุณ ด้วยการผสมผสานข้อมูลระหว่าง Polar V800 และ Styrd
สำหรับข้อมูลพลังของการวิ่งนั้น เป็นทางที่สะดวกและรวดเร็วในการจะดูเกี่ยวกับความหนักของการวิ่ง ได้ดีกว่า อัตราการเต้นของหัวใจ เพราะพลังในการวิ่งนั้น เป็นการทำงานของระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาท ซึ่งจะมีการแปรผันได้รวดเร็วกว่า อัตราการเต้นของหัวใจ แต่ในขณะที่คุณหยุดวิ่ง พลัง และความเร็วก็จะมีค่าเป็นศูนย์ แต่อัตราการเต้นของหัวใจจะค่อยๆ ลดลงในช่วงฟื้นสภาพ
ในทางกลับกัน ถ้าคุณเร่งความเร็วเพื่อไปให้ถึงความเร็วสูงสุดของตัวคุณ พลังก็จะเพิ่มขึ้นตอนที่คุณมีการเพิ่มความเร็ว หรือ มีความเร่ง อัตราการเต้นของหัวใจของคุณก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นช้ากว่า พลัง นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม พลังจึงมีความสำคัญมากในการวิ่ง ตัวอย่างเช่น การวิ่งในระยะทางอันสั้นมากๆ พลังของการวิ่งจะเปลี่ยนแปลงในทันทีเมื่อคุณมีการเร่งความเร็ว และลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มีการลดความเร็ว ซึ่งจะเกิดได้อย่างรวดเร็วกว่าอัตราการเต้นของหัวใจ
พลังในการวิ่งไม่ใช่ค่าที่คุณจะต้องดูเพียงอย่างเดียว ถ้าคุณต้องการเห็นภาพใหญ่ของความสามารถในการวิ่งของคุณ
ม้นไม่ได้หมายความว่า พลังในการวิ่งเป็นเพียงหน่วยวัดหนึ่งที่คุณต้องการที่จะดู ถ้าคุณต้องการจะเห็นภาพในการวิ่งทั้งหมดของคุณ ทางที่ดีคือ พยายามใช้ข้อมูลต่างๆ จากหลายๆส่วนประกอบกัน จะทำให้คุณเห็นภาพรวมของความสามารถในการวิ่งของคุณ เช่นการใช้ข้อมูลพลังในการวิ่ง ร่วมกับอัตราการเต้นของหัวใจ จะทำให้คุณเห็นภาพได้กว้างขึ้น
เหมือนกับกีฬาประเภททีม จะต้องอาศัยการทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเกิดจากการนำความสามารถของหลาย ๆคนมารวมกัน
V800 และ Styrd นำข้อมูลของพลังในการวิ่งและอัตราการเต้นของหัวใจ มาใช้ร่วมกัน
ในกรณีนี้ ทีมกีฬา Polar V800 และ Styrd ที่ทำงานเป็นทีม Polar V800 ถูกออกแบบให้บันทึกข้อมูลต่างๆในการวิ่ง และยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Styrd เพื่อเก็บข้อมูลการวิ่งของคุณ ดังนั้นข้อมูล จีพีเอส อัตราการเต้นของหัวใจ ความเร็ว ระยะทาง ฝีก้าว รวมทั้งข้อมูลพลังในการวิ่งจาก Styrd ก็จะถูกบันทึก เพื่อให้คุณวิเคราะห์โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆ เพิ่มเติม
เมื่อนำ Polar V800 และ Styrd มาทำงานร่วมกันแล้ว คุณจะเห็นความสัมพันธืระหว่างพลังในการวิ่งกับอัตราการเต้นของหัวใจ ข้อมูลจะบอกคุณว่า ความสามารถในการวิ่งของคุณเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพื่อคุณสามารถเพิ่มพลังในการวิ่งของคุณได้มากขึ้น ในขณะที่คุณพยายามรักษาระดับของอัตราการเต้นของหัวใจไว้ ตัววอย่างเช่น เส้นทางในการวิ่งของคุณวันนี้มีสภาพเป็นอย่างไร และอะไรเป็นสาเหตุ ทำให้คุณต้องใช้พลังในการวิ่งเพิ่มมากขึ้น ถ้าคุณลองกลับมาวิ่งในเส้นทางเดิม หลังจากเซสชั่นก่อนหน้านี้ คุณจะใช้พลังงานเท่าเดิม แต่อัตราการเต้นของหัวใจลดลงเป็นอย่างมาก นั่นแสดงว่า ความสามารถในการวิ่งของคุณเพิ่มขึ้น
เพสก็เช่นเดียวกัน เส้นทางในการวิ่ง ถ้าคุณใช้เพสในการวิ่งเท่าเดิมแต่ใช้พลังในการวิ่งน้อยลง นั่นหมายความว่า กล้ามเนื้อขาของคุณมีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น และในขณะเดียวกัน ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจของคุณนั้น ลดลง หรือ ต่ำ นั่นหมายความว่า ความสามารถในการวิ่งของคุณ นั้นเพิ่มมากขึ้น ด้วย ซึ่งหมายความว่า ระบบกล้ามเนื้อนั้นมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และสารอาหารเพื่อไปสร้างเป็นพลังงานได้ ดีขึ้น และ ระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ทำหน้าที่ส่งเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ได้มากขึ้น ในการบีบตัวเท่ากันนั่นเอง
แล้วเราจะเริ่มต้นวัดพลังสำหรับการวิ่งได้อย่างไร
ขั้นที่ 1 จับคู่ Styrd เข้ากับ Polar V800 ของคุณ
ขั้นตอนการจับคู่ Styrd เข้ากับ Styrd และการเริ่มต้นการฝึกซ้อม สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่นี่
ขั้นที่ 2 ตั้งค่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณ
คุณสามารถเซตอัพหน้าจอของนาฬิกา Polar ได้อย่างง่ายดาย ด้วย Polar Flow Webservice หรือ Polar Flow Application ซึ่งคุณจะสามารถเลือกข้อมูลที่จำเป็นได้แก่ ระยะเวลา เพส พลัง และระยะทาง ซึ่งจะแสดงบนนาฬิกา Polar V800 ของคุณ
ขั้นที่ 3 ใช้ โซนของพลังในการฝึกวิ่งของคุณ
ในการวิเคราะห์โซนพลังในการฝึกของคุณ คุณสามารถใช้แอพลิเคชั่น Polar Flow ในการตรวจสอบข้อมูลของคุณ ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาในการฟื้นสภาพ พลังงานที่ใช้ไป ในระหว่างการฝึกซ้อม Polar Flow มีฟังก์ชั่นที่คุณจะไม่พบเจอในแพลทฟอร์มของแบรนด์อื่นๆ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการสำหรับการฝึกซ้อมของคุณโดยเฉพาะ เช่น ความยาวก้าว เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่มาจากไขมันในแต่ละเซสชั่น เป็นต้น
เชื่อมต่อ Polar Flow เข้ากับ Third Party แอพลิเคชั่นเช่น Strava และ Training Peak
Polar Flow เป็นหัวใจสำคัญสำหรับ Polar V800 และ Styrd ซึ่งสามารถจะเชื่อมโยงข้อมูลการฝึกซ้อมไปยังแอพลิเคชั่นอื่นๆ อาทิเช่น Strava และ Training Peak ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งไปยังแพลทฟอร์มอื่นๆโดยอัตโนมัติ หากคุณมีการตั้งค่าเอาไว้แล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับ ระดับและเป้าหมายของคุณ ที่คุณจะต้องการฝึกซ้อม นอกจากนี้ยังรองรับแพลทฟอร์มอื่นๆในการวิเคราะห์ข้อมูลพลังเช่น Sporttracks.mobi, Finalsurge.om และ Styrd.com/powerCenter
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณฝึกซ้อมได้ตรงเป้าหมาย และ ล้ำหน้ากว่าคนอื่นๆ สำหรับการนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพลังในการฝึกซ้อม ไปใช้งานจริง