ในปัจจุบันเทคโนโลยีเกี่ยวกับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้นมีเงินลงทุนมากกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งที่มีอัตราการเจริญเติบโตเป็นอย่างมาก สำหรับนักกีฬาและทีมงานที่เกี่ยวข้องกับนักกีฬาระดับสูงหรือ Elite Sport นั้น การใช้อัตราการเต้นของหัวใจในการออกกำลังกายนั้นสามารถทำให้นักกีฬานั้นมีสมรรถาภาพสูงสุดได้ในการแข่งขัน
ซึ่งผู้เขียนเห็นด้วยว่า เทคโนโลยี เช่น การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ในการฝึกซ้อม และเทคโนโลยีของ GPS นั้นเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่จะทำให้ได้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและการเพิ่มสมรรถนะของนักกีฬารวมทั้งการลดอาการบาดเจ็บและความเสี่ยงจากอาการเจ็บป่วยได้อีกด้วย แต่การเพิ่มขึ้นของการเข้าถึงเทคโนโลยีและจำนวนบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่มีเพิ่มขึ้นมาก อย่างมีนัยสำคัญเป็นอย่างมาก มากกว่าที่เราจะเห็นป่าทั้งป่า หรือจะเลือกที่จะเห็นเพียงต้นไม้เพียงต้นเดียว
ในขณะที่มีเทคโนโลยีให้เราเลือกได้มากมายนั้นในปัจจุบัน สองสิ่งที่มีในเทคโนโลยีล่าสุดและเป็นที่นิยมนั้นคือ การติดตามการนอนหลับพักผ่อนและการฝึกเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง เกี่ยวกับการวัดการนอนหลับ บริษัทส่วนมากนั้นไม่ได้มีการเปิดเผยอัลกอริทึ่มหรือกลไกการทำงานเพื่อคำนวณประสิทธิภาพของการนอนหลับ และการตื่นนอน และบริษัทส่วนมากยังไม่มีการหาความเที่ยงตรงของผลิตภัณฑ์ ซึ่งขัดแย้งกับมาตรฐานของการศึกษาเกี่ยวกับการนอนหลับเป็นอย่างมาก ดังนั้นอาจจะมีโอกาสที่จะทำไปสู่เรื่องของความปลอดภัยเกี่ยวกับอุปกรณ์นั้นๆได้ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์หลายๆตัวนั้น ไม่ได้ให้ข้อมูลที่แม่นยำกับนักกีฬาในการฝึกซ้อมและการพักผ่อน และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ นักกีฬาจะใช้ข้อมูลที่มีอยู่เกี่ยวกับการนอนของเขาได้อย่างไร (ข้อมูลแม่นยำแค่ไหน) นั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่จะต้องพิจารณาถึง นักกีฬาอาจจะได้รับข้อมูลที่เกินจริง หรือเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งสามารถพบได้จากข้อมูลในแต่ละวันว่าการนอนหลับของพวกเขานั้นเกิดปัญหาหรือไม่
ซึ่งที่จะต้องตระหันกก็คือ จำนวนของอุปกรณ์ที่มีปัจจุบันนั้น อันที่อ้างว่าสามารถกระตุ้นการทำงานของระบบสมองได้ ในขณะที่ระบบให้ผลย้อนกลับของการทำงานของระบบประสาท Neurofeedback) มีการเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ในขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบเกี่ยวกับเทคนิคของการรักษาเกี่ยวกับโรคลมชัก และการจักการเกี่ยวกับโรคจากความเครียด โดยใช้เครื่องมือในการกระตุ้นการทำงานของสมอง พบว่าเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการทำงานของสมองนั้นมีจำนนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะต้องมีการตรวจสอบ หรือการทำวิจัยเพื่อสนับสนุนว่าเทคโนโลยีที่ว่านี้มีความจำเป็นต่อการเพิ่มความสามารถของนักกีฬาหรือไม่ ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่า จำนวนงานวิจัยที่ออกมาเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยหรือการตรวจสอบเครื่องมือดังกล่าวจะมีน้อยมากเหลือเกิน
เมื่อตลาดอุปกรณ์ที่ใช้กับนักกีฬามีมากมายในปัจจุบัน บวกเขามักจะใช้เทคนิคอันชาญฉลาด อาทิเช่น กราฟฟิคที่สวยงาม คำรับรองจากผู้ใช้จริง รูปภาพ กราฟ และข้อมูลในแต่ละอุปกรณ์นั้นถูกทดสอบโดยผู้ใช้งานจริง แต่สำหรับนักกีฬาและทีมานที่กำลังมองหาความสามารถในการแข่งขัน ข้อมูลที่มีประโยชน์ คำกล่าวอ้างสรรพคุณและข้อมูลที่ไม่จริงอาจจะทำให้ยากที่จะมองข้ามไปได้ ไม่มีใครต้องการที่จะเป็นคนสุดท้ายที่จะใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ทุกคนอยากจะเป็นเบอร์หนึ่งกันทั้งนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ บริษัทผู้ผลิตและสถาบันทางการกีฬาชั้นนำ รวมทั้งสโมสร ไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบเกี่ยวกับความเที่ยงตรงและความเชื่อมั่นของอุปกรณ์ ความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้กับนักกีฬาของพวกเขาเอง การเพิ่มมากกขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม จริงๆแล้วความต้องการของเขาคืออะไร ในขณะที่บางบริษัทนั้นมีการทำผลิตภัณฑ์ของตนเอง มีการวิจัยและพัฒนา ทดสอบ รวมทั้งหาค่าความเที่ยงตรง เชื่อมั่น เพื่อทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุดต่อผู้ใช้งานและลูกค้าข้องเขา ในการที่จะใช้งานเฉพาะ เพื่อไปสู่เป้าหมาย การที่อ้างสรรพคุณของอุปกรณ์ หลักฐาน และคำรับรองจากนักกีฬาหรือผู้ใช้ต่างๆ ในขณะที่ยังมีการสำรวจหรือใช้การวิจัยทางการตลาด เพื่อที่จะบอกว่าการใช้งานและข้อดีเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลในทางบวกต่อผลิตภัณฑ์ก็ยังคงมีอยู่
ตามคำแนะนำนี้ จะช่วยให้คุณสามารถพิจารณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่คุณจะเลือกใช้ได้อย่างเหมาะที่สุด ซึ่งหลักการนั้นก็คือ
- อุปกรณ์นั้นๆ จะต้องไม่มีความเสี่ยงหรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ และไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของนักกีฬา และปลอดภัย ซึ่งจะต้องเป็นข้อที่จะต้องคำนึงถึงในการเลือกผลิตภัณฑ์สักชิ้นหนึ่งสำหรับผู้ใช้งาน
- สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงก็คือ คำถามต่างๆ จะต้องตอบด้วยการวิจัยทางวิทยาศาสตร์รับรอง ไม่ใช่การรับรองจากนักกีฬา หรือบุคคล ซึ่งรวมไปถึงประสบการณ์ในการใช้งาน
- ถ้าไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเพียงพอ หรือ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้อย่างเป็นระบบเท่าที่เป็นไปได้
- นักกีฬาควรจะต้องพิจารณาถึง ข้อมูลที่ให้นั้นมากเกินไปไหม มีประโยชน์กับนักกีฬามากน้อยเพียงใด แล้ข้อมูลต่างๆจะเป็นสาเหตุให้เกิดความวิตกกังวลอีกหรือไม่ เป็นต้น
เทคโนโลยีนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดผลดีและส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักกีฬา หรือ ผู้ที่ออกกำลังกาย แต่อย่างไรก็ตาม เราจะต้องรู้เท่าทั้นเกี่ยวกับข้อมูลใดที่มีความเที่ยงต้องและน่าเชื่อถือ ข้อมูลแค่ไหนที่ถือว่ามากเกินไป และส่งผลกระทบต่อ คุณภาพชีวิต และความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งจะต้องเป็นสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญและจะต้องตระหนักถึงเป็นอย่างมากสำหรับอุปกรณ์ในการออกกำลังกายของคุณ
Reference:
Halson, S.L., J.M. Peake, and J.P. Sullivan, Wearable Technology for Athletes: Information Overload and Pseudoscience? Int J Sports Physiol Perform, 2016. 11(6): p. 705-706.