พลังในการวิ่ง RUNNING POWER

พลังในการวิ่งคืออะไร

พลังคือความสามารถเชิงกลไกที่ร่างกายสร้างออกมาในการทำงานต่างๆ มีหน่วยเป็นวัตต์ โดยปกติเมื่อเรามีการเคลื่อนไหว เช่นยกของหรือขึ้นบันได ในทั้งสองกรณี เราออกแรงเพื่อเอาชนะแรงโน้มถ่วง ในการวิ่งก็เช่นเดียวกัน เราออกแรงเพื่อเอาชนะแรงโน้มถ่วงและแรงเสียดทานเช่นกัน ยิ่งเราออกแรงเร็วเท่าไหร่ พลังก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เพราะพลังเกิดจาก แรงxความเร็วในการเคลื่อนที่ดังนั้นถ้าเราต้องการสร้างพลังให้ได้มากเราก็จะต้องพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อให้สามารถสร้างแรงได้มาก และในขณะเดียวกันกล้ามเนื้อก็ต้องมีการหดตัวของกล้ามเนื้อที่เร็ว (Stretch shortening cycle)

ไม่มีคำจำกัดความที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลสำหรับพลังในการวิ่ง อย่างไรก็ตามเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของโซลูชันของเราเราได้ใช้คำจำกัดความต่อไปนี้ พลังในการวิ่งคือการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกของพลังงานกลของจุดศูนย์กลางมวลในรอบขั้นตอนหนึ่งหารด้วยเวลาของวงจรขั้นตอนโดยพลังงานกลคือผลรวมของพลังงานศักย์จลน์และความโน้มถ่วง จากการตรวจสอบ เราไม่เพียงแต่ยืนยันว่ากำลังของเรามีความแม่นยำเท่านั้น แต่เรายังทำให้แน่ใจว่าการออกกำลังกายซ้ำๆ จะให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ (ความสามารถในการทำซ้ำ) และกำลังตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้น (การตอบสนอง) อย่างรวดเร็ว

พลังในการวิ่งจากข้อมือคำนวณด้วย Grit X / Vantage V / Vantage V2 อย่างไร?

POLAR Running Power นั้นเป็นการคำนวณพลังในการวิ่งจากนาฬิกาที่ใส่ไว้ที่ข้อมือ โดยจะใช้ข้อมูลความเร็ว และการเปลี่ยนแปลงของความชันที่ได้รับจาก GPS และเครื่องวัดความสูง Barometer ในการนำมาคำนวณ. ซึ่งค่าพลังในการวิ่งที่ได้นั้นจะมีการปรับค่าจากข้อมูลที่ได้จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการโดยการวัดจาก แท่นวัดแรง Forceplate ซึ่งคุณจึงมั่นใจได้ในเรื่องของความแม่นยำ

ความแตกต่างนึงเมื่อเทียบกับการใช้ Footpod นั่นก็คือ การวัดพลังในการวิ่งที่ข้อมือในผลิตภัณฑ์ Polar นั้นเราไม่ต้องทำการติดตั้งอุปกรณ์อะไรไว้ที่รองเท้าของเราเลย ดังนั้นจึงสามารถวัดได้ทันที เมื่อคุณเริ่มต้นวิ่ง

ประโยชน์จากการฝึกด้วยพลังในการวิ่ง

พลังในการวิ่ง Running Power นั้นจะตอบสนองเมื่อมีการเพิ่มความหนักของการวิ่งของคุณ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในระดับที่สูงมาก ซึ่งรวมถึงเมื่อคุณมีการวิ่งเทรลหรืออัลตร้า ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงความเร็ว และความชัน อย่างรวดเร็ว ไปตามลักษณะภูมิประเทศ สิ่งนี้ทำให้ค่าพลังมีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

 

ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้น พลังในการวิ่งสามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของระบบแอโรบิก (ใช้ออกซิเจนเป็นพลังงานหลัก) และระบบพลังงานแบบแอนแอโรบิก (ความหนักสูงๆ) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนักวิ่งในการฝึกซ้อม เพื่อดูว่าพลังที่เกิดจากความสามารถของระบบแอโรบิกนั้นสูงเกินไปหรือไม่ (MAP) การใช้ค่าพลังในการฝึกนั้นถ้าหากค่าสูงกว่า MAP (Power Zone 4-5 ) นั้นจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาความสามารถของกล้ามเนื้อ ในการสร้างงาน (เพิ่มความเร็วในการวิ่ง) ในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้ การใช้ค่าพลังในยการวิ่งยังสามารถติดตามความก้าวหน้าของความสามารถ และปลอดภัยต่อระบบกล้ามเนื้อของคุณ ซึ่งโพลาร์เรียกสิ่งนี้ว่า Muscle Load หากโหลดของกล้ามเนื้อที่ได้รับมีมาเกินไป ก็อาจจะส่งผลต่อการเกิดการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อได้

พลังในการวิ่งและโหลดของกล้ามเนื้อ

Polar ใช้พลังในการวิ่งวิ่งเพื่อคำนวณ Muscle Load ซึ่งเป็นพารามิเตอร์หนึ่งของการวัดปริมาณความหนักในการฝึกซ้อม Training Load Pro การวิ่งนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กล้ามเนื้อเกิดความเครียด และ โหลดของกล้ามเนื้อ Muscle Load จะบอกคุณว่ากล้ามเนื้อและข้อต่อของคุณเครียดมากเพียงใดในระหว่างการฝึกซ้อม มันแสดงปริมาณงานเชิงกล (kJ) ระหว่างการวิ่งของคุณ (หรือรอบการปั่นจักรยานหากคุณใช้มิเตอร์วัดกำลังการปั่นจักรยาน) Muscle Load ช่วยให้คุณวัดจำนวนโหลดการฝึกของคุณในการฝึกซ้อมวิ่งที่มีความเข้มข้นสูง เช่น การฝึกซ้อมแบบ interval,การวิ่งระยะสั้น และการวิ่งขึ้นเขาหรือเทรล เมื่อการใช้อัตราการเต้นของหัวใจเพียงอย่างเดียวมันเกิดขึ้นช้ากว่าการเปลี่ยนแปลงความหนักได้ทัน

วิธีการแสดงพลังในการวิ่งบนนาฬิกาของคุณ

เลือกข้อมูลพลังงานที่คุณต้องการดูระหว่างเซสชันของคุณโดยปรับแต่งมุมมองการฝึกของคุณในการตั้งค่าโปรไฟล์กีฬาของบริการเว็บ Flow

ในระหว่างการวิ่ง คุณสามารถดูข้อมูลต่อไปนี้

  • Maximum power (พลังสูงสุด)
  • Average power (พลังเฉลี่ย)
  • Lap Power (แลปพลัง)
  • Maximum lap power (พลังสูงสุดในแต่ล่ะแลป)
  • Automatic power average (พลังเฉลี่ยอัตโนมัติ)
  • Automatic lap power maximum (พลังสูงสุดอัตโนมัติ)

เลือกวิธีการแสดงพลังงานระหว่างเซสชันและในบริการเว็บและแอป Flow

  • Watts W (วัตต์)
  • Watts per kilogram W/kg (วัตต์ต่อกิโลกรัมต่อน้ำหนักตัว)
  • Percentage of MAP (% of MAP) (เปอร์เซ็นต์พลังแอโรบิคสูงสุด)

หลังจากเซสชันของคุณในสรุปการฝึกซ้อมบนนาฬิกาคุณจะแสดง

  • Your average power as Watts (พลังเฉลี่ยของคุณเป็นวัตต์)
  • Your maximum power as Watts (พลังสูงสุดของคุณหน่วยเป็นวัตต์)
  • Muscle Load (โหลดของกล้ามเนื้อ)
  • Time spent in power zones (เวลาที่ใช้ในแต่โซนพลัง

วิธีแสดงพลังงานในการวิ่งในบริการเว็บและแอพของโพลาร์

กราฟโดยละเอียดสำหรับการวิเคราะห์มีอยู่ในบริการเว็บและแอปของ Flow ดูค่าพลังของคุณจากเซสชั่นของคุณ และวิธีกระจายเมื่อเทียบกับอัตราการเต้นของหัวใจ และความเอียง ลดลง และความเร็วที่แตกต่างกันส่งผลต่อพวกเขาอย่างไร

 

 

 

 

Applies to: Grit XVantage M2,  Vantage V2